วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559


Record 5
Tuesday 6 September 2016
                           วันนี้อาจารย์ต้องไปเข้าร่วมการเปิดงานวิชาการของสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย จึงได้มอบหมายงานให้นักศึกษามา 2 ชิ้น  คือ คัด ก ไก่ - ฮ นกฮูก และดูวิดีโอวิทยาศาสตร์เเสนสนุกสำหรับเด็ก เรื่องอากาศมหัศจรรย์

คัดเอง โดยไม่ได้คัดตามรอยปะ
Knowledge
            อากาศอยู่รอบตัวเราเสมอ เราสามารถรู้ว่ามีอากาศอยู่รอบๆตัวเราได้โดยโบกมือไปมา กระแสลมที่เกิดขึ้นและปะทะกับฝ่ามือของเรา ก็แสดงว่าอากาศมีจริง หรือถ้าเรายืนอยู่ในที่ที่มีลมพัดผ่าน 
เราจะรู้สึกว่ามีอากาศหรือลมพัดมาถูกตัวเรา แรงลมสามารถทำให้เกิดคลื่นน้ำ หรือหมุนกังหันลมได้

อากาศและบรรยากาศมีความสำคัญ ดังนี้
  1. มีก๊าซที่จำเป็นต่อการมีชีวิตของมนุษย์ สัตว์และพืช
  2. มีอิทธิพลต่อการเกิด ปริมาณ และคุณภาพของทรัพยากรอื่น เช่น ป่าไม้และแร่ธาตุ
  3. ช่วยปรับอุณหภูมิของโลก โดยเฉพาะไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนจากพื้นดิน ทำให้ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันกับกลางคืน และ ฤดูร้อนกับฤดูหนาวไม่แตกต่างกันมาก และทำให้บริเวณผิวโลกมีความอบอุ่นขึ้น
  4. ทำให้เกิดลมและฝน
  5. มีผลต่อการดำรงชีวิต สภาพจิตใจ และร่างกายของมนุษย์ ถ้าสภาพอากาศไม่เหมาะสม เช่น แห้งแล้งหรือหนาวเย็นเกินไปคนจะอยู่อาศัยด้วยความยากลำบาก
  6. ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีของดวงอาทิตย์ โดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศจะกรองหรือดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งทำให้ผิวไหม้เกรียม เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และโรคต้อกระจก
  7. ช่วยเผาไหม้วัตถุที่ตกมาจากฟ้าหรืออุกกาบาตให้กลายเป็นอนุภาคเล็กๆ จนไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และทรัพย์สิน
  8. ทำให้ท้องฟ้ามีสีสวยงาม โดยอนุภาคของสิ่งอื่นที่ปนอยู่กับก๊าซในบรรยากาศจะทำให้แสงหักเห เราจึงมองเห็นท้องฟ้ามีแสงสีที่งดงามแทนที่จะเห็นเป็นสีดำมืด นอกจากนี้ก๊าซโอโซนซึ่งมีสีน้ำเงินยังช่วยให้มองเห็นท้องฟ้าเป็นสีครามหรือสีฟ้าสดใสอีกด้วย
*แม้อากาศจะไม่มีรูปร่างแต่อากาศจะเเทรกอยู่ได้ในทุกพื้นที่
น้าเทรี่ กับ หมีจ๋า
วิดีโอเรื่องอากาศมหัศจรรย์



         การแทนที่ของอากาศ จากการทดลอง การเทน้ำลงในขวด โดยที่ยังไม่ได้นำดินน้ำมันไปปิดไว้จะสามารถทำให้น้ำไหลลงไปในขวดได้เร็ว เพราะอากาศมีทางออกจากขวดโดยออกไปทางปากขวด แต่เมื่อนำดินน้ำมันเข้าไปปิดไว้ที่ปากขวด เเละเทน้ำลงไปทำให้น้ำไหลลงไปในขวดช้าเพราะอากาศไม่มีทางออก น้ำที่เข้าไปแทนที่อากาศจึงถูกพยุงไว้ไม่ให้ไหลเข้ามา



      อากาศมีตัวตน มีน้ำหนัก จากการทดลอง การเอาลูกโป่งสองใบมาชั่งน้ำหนักกัน จากรูปจะเห็นว่าลูกโป่งใบที่ไม่ได้ปล่อยลมออกจะหนักกว่าใบที่ปล่อยลมออกเพราะลูกโป่งใบใหญ่มีอากาศมากกว่า
ใบเล็กนั่นเอง



       จากการทดลอง นำแก้วสองใบมาผูกไว้กับคาน จะเห็นว่าแก้วสองใบอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เมื่อนำเทียนไขจุดไฟมาจ่อไว้ที่แก้วใบขวาจะเห็นว่าแก้วมันลอยขึ้น ทำให้รู้ว่าความร้อนทำอากาศเบาขึ้น


หลักการนี้ เป็นที่มาของบอลลูนนั่นเอง บอลลูนจะมีไฟจุดไว้อยู่ด้านบนเพราะความร้อนจะทำให้มันลอยสูงขึ้น หรือรวมไปถึงการเป่าฟองสบู่ อากาศที่เป่าออกมามันมีความร้อนจึงทำให้ฟองสบู่ลอยสูงขึ้น จนกระทั่งอากาศในฟองสบู่เริ่มเย็นลงทำให้มันลอยตกลงมา


การทดลอง นำขวดโหลสองใบเเช่ในน้ำร้อนกับน้ำเย็น


นำขวดโหลที่เเช่น้ำเย็นมาวางบนขวดโหลที่แช่น้ำร้อน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


นำขวดที่เเช่น้ำร้อนจุดควันธูปใส่เข้าไป ต่อมาก็สลับกัน


        ขวดที่เเช่นำร้อนอยู่ด้านล่าง ขวดที่เเช่น้ำเย็นอยู่ด้านบน จะเห็นว่า ควันที่อยู่ในขวดโหลที่เเช่น้ำร้อนจะลอยขึ้นไปบนขวดโหลที่เเช่น้ำเย็น และความเย็นที่อยู่ในขวดก็ลอยต่ำลงมา เป็นเพราะอากาศพยายามปรับสมดุลตลอดเวลา



จุดธูปใส่เข้าไปในกล่องใส


        พบว่า อากาศเคลื่อนที่ไปมา จะเห็นได้จากควันที่ลอยสูงขึ้นและตกลงมา เป็นเพราะว่าอากาศเคลื่อนที่และอากาศเคลื่อนที่จึงทำให้เกิดลมได้ 


อากาศบนทรายมีความร้อน ทำให้มันลอยสูงขึ้น และ อากาศจากทะเลที่เป็นความเย็นก็พัดเข้ามา


        การทดลอง ลมสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้เมื่อมีวัตถุมาขวางกั้น เช่นลมที่พัดมาจากด้านนอกแล้วพุ่งเข้าชนกับตัวบ้าน กระเเสลมก็จะกระจายออกและพุ่งผ่านข้างๆบ้านของเราแทน แต่ถ้าบ้านของเรามีหน้าต่าง ประตู กระเเสลมก็พุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามาในบ้านเราได้และจะระบายออกตามช่องต่างๆ


           การทดลอง เเรงดันอากาศ โดยการเติมน้ำลงไปบนแก้วให้เต็มแล้ววางกระดาษไว้บนแก้ว จากนั้นคว่ำแก้วลง พบว่าน้ำไม่หกออกมา เพราะการเติมน้ำลงไปเป็นอากาศไล่อากาศออกมาจากแก้วจนหมด และเมื่อคว่ำแก้วลงจึงมีอากาศดันไว้ทำให้น้ำไม่หกออกมา


       การทดลอง ยกหนังสือด้วยอากาศในลูกโป่ง ขั้นตอนสอดลูกโป่งใบใหญ่ๆไว้ใต้หนังสือจากนั้นก็เป่าลมเข้าไปในลูกโป่ง ที่ลูกโป่งยกกองหนังสือได้เป็นเพราะใช้หลักของแรงดันอากาศ เมื่อเป่าลมเข้าไปในลูกโป่ง อากาศจะทำให้ลูกโป่งขยายตัวออกเเละเเรงดันที่เพิ่มเข้ามาก็จะดันกองหนังสือให้ลอยขึ้นมาได้


         การทดลอง น้ำแก้วเปล่า 2 ใบมาวางไว้คู่กัน นำน้ำมาอีกสองแก้ว ครั้งแรก เจาะรูแก้วน้ำทั้งสองใบแก้วละ 1 รู จากนั้นลองเทน้ำใส่ในแก้วเปล่า พบว่าน้ำไม่ไหลออกมา ครั้งที่สองลองเจาะแก้วน้ำใบที่ 1 เจาะรูข้างๆกัน ลองเท พบว่าน้ำไม่ไหลออกมา เพราะอากาศคอยดันน้ำไว้ที่ปากของรู เเล้วเจาะแก้วน้ำใบที่ 2 เจาะรูในลักษณะตรงข้ามกัน ลองเท พบว่าน้ำไหลออกมา 


      น้ำที่ไหลออกมาได้ เพราะว่า รูฝั่งตรงข้ามทำให้อากาศสามารถเข้าไปได้ อากาศจึงเข้าไปช่วยดันน้ำใหไหลออกมาอีกรู เเละเมื่อเอามือปิดรูไว้ น้ำก็ไม่สามารถไหลออกมาได้เพราะไม่มีอากาศไปช่วยดัน


ดูดน้ำขึ้นเข้าไปในหลอด แล้วเอานิ้วปิดปากหลอดไว้ทำให้น้ำไม่ไหลออกมา


          เอามือออกจากปากหลอด ทำให้น้ำไหลลงมา หลักการเดียวกันกับเเรงดันอากาศ เช่นการดื่มนม เมื่อเราดูดนม เราจะดูดอากาศจากหลอดไปจนหมดจากนั้นนมก็จะเข้ามาแทน เมื่อเราปล่อยหลอดออกจากปากนมก็จะไหลลงสู่แก้วตามเดิม


        การทดลองดันไข่ต้มลงขวด อันดับแรกนำไข่ต้มไปวางไว้ที่ปากขวดไข่ต้มไม่ไหลลงไป ต่อมานำไจุดเข้าไปในขวดแล้วลองนำไข่ต้มไปวางอีกครั้ง คราวนี้ไข่ต้มไหลลงไปในขวดได้อย่างง่ายดาย เพราะอากาศในขวดร้อนขึ้นจึงมีแรงดันต่ำ อากาศเย็นที่อยู่นอกขวดมีแรงดันสูงกว่าจึงพยายามดันเข้าไปแทนที่ทำให้ไข่ต้มสามารถไหลลงไปในขวดได้

^
^
^
แรงต้านอากาศ



          การทดลองเเรงต้านอากาศ จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ จากในรูปกระดาษที่เป็นก้อนกลมๆมีพื้นที่น้อยทำให้มีเเรงต้านน้อยจึงตกลงสู่พื้นได้เร็วกว่า ส่วนกระดาษที่เป็นแผ่นมีพื้นที่มากทำให้มีแรงต้านมาก จึงตกลงสู่พื้นได้ช้ากว่า เช่น การโดดร่ม
หลังจากดูวิดีโอเสร็จแล้ว อากาศให้นักศึกษาเข้าไปร่วมงานแสดงนิทรรศการของสาขาการศึกษาปฐมวัย แต่มีการพูดคุยและให้ศึกษานำเสนอของเล่นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่ให้เตรียมมาก่อน



ของเล่นวิทยาศาสตร์
ชื่อของเล่น : ว่าวลอยลม
อุปกรณ๋
1. กระดาษ
2. ไม้
3. สี
4. เทปกาว
5. เชือก

ขั้นตอนการทำ
1. นำกระดาษ A4 มาพับครึ่ง

2. เเบ่งกระดาษเป็น 4 ส่วน พับกระดาษเข้ามาถึงทั้ง 2 ด้าน

3. วาดรูปตาและปาก ตกแต่งให้สวยงาม

4. นำไม้เสียบลูกชิ้นที่ตัดปลายเรียบร้อยแล้วมายึดโครง

5. พลิกด้านหลัง เจาะรูไว้ร้อยเชือก

6. ติดหางว่าวให้เรียบร้อย

7. เสร็จเรียบร้อย ว่าวลอยลม

วิธีการเล่น
         การเล่นว่าวลอยลม ควรเล่นที่ลานกว้างๆนอกบ้าน และมีลมพัดผ่าน เล่นโดยการจับเชือกที่ผูกไว้แล้วปล่อยให้ตัวว่าวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อาจจะวิ่งเล่นหรือผูกไว้กับที่ก็ได้

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
        สอนเด็กในเรื่องอากาศ ว่าวสามารถลอยอยู่ในอากาศได้เพราะกระเเสลมที่พัดเคลื่อนที่ และว่าวจะลอยขึ้นได้โดยจะต้องมีเเรงถ่วงน้อยกว่าเเรงยก และเเรงขับ (ลม) ต้องมีความเร่งมากพอที่จะชนะเเรงต้าน ซึ่งมีทิศทางเดียวกับกระเเสลม 
        วัตถุประสงค์ของของเล่นชิ้นนี้เพื่อเด็กจะได้สังเกต ทดลอง เรียนรู้กระบวนการจากการเล่นว่าว 
ได้รู้เรื่องกระเเสลม และเด็กได้เรียนรู้จากการเล่นด้วยตนเองจากธรรมชาติรอบตัว

การบูรณาการ Stem Steam
S อากาศเคลื่อนที่  เเรงต้านอากาศ
T ขั้นตอนวิธีการทำว่าว
E ออกแบบโครงสร้างของว่าวตลอดจนวัสดุที่นำมาทำว่าว
A การตกตเเต่งรูปว่าว สีของว่าว
M รูปทรงของว่าว ขนาดของว่าว
นิทรรศการการเเสดงผลงานที่ได้รับจากการฝึกสอนของนักศึกษาชั้นปีที่ 5












ทักษะ (Skill)
- ทักษะการออกแบบ
- ทักษะการเรียนรู้
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการดู
- ทักษะการศึกษาหาความรู้
- ทักษะความคิดสร้างสรรค์
- ทักษะการใช้เทคโนโลยี

เทคนิคการสอน (Technique teaching)
- ให้นักศึกษาทำงาน ฝึกทักษะ
- ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
- ให้นักศึกษานำเสนอผลงาน
- ให้นักศึกษาได้สังเกตุ
- ให้นักศึกษาเรียนรู้อย่างอิสระ

การนำไปประยุกต์ใช้ (Adoption)
- สามารถออกแบบกิจกรรมการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ด้วยตนเองได้
- สามารถประดิษฐ์ของเล่นวิทยศาสตร์ด้วยตนเองได้
- มีความรู้ความเข้าใจวิทยาศาสตร์เรื่องอากาศ
- มีความรู้จากการศึกษาดูงานไปปรับใช้ในอนาคตได้หากเราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 5

ประเมินผล (Assessment)
ประเมินตนเอง - เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจดูวิดีโอหาความรู้
ประเมินเพื่อน - เพื่อนตั้งใจดูวิดีโอ ไม่พูดคุยกันเสียงดัง
ประเมินอาจารย์ - แม้อาจารย์จะติดงานแต่อาจารย์ก็ไม่ทิ้งนักศึกษา มีการมอบหมายงานให้นักศึกษาไปทำและให้นักศึกษาได้เรียนรู้ด้วยตนเองจากการดูวิดีโอ หลังจากนั้นยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้หาความรู้จากการเเสดงผลงานของนักศึกษารุ่นพี่อีกด้วย

Vocabulary คำศัพท์
Wind ลม
Air     อากาศ
Test    การทดลอง
Resistance เเรงต้าน
Project Approach การสอนเเบบโครงการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น